.

กองทัพยูเครนตั้งเป้าหมายที่จะยึดคืนดินแดนทั้งหมดที่เคยถูกรัสเซียยึดไปในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากที่กองทัพยูเครนสามารถโจมตีกองทัพรัสเซียจนถอยร่นในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ

 

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเปิดเผยในวันอังคาร (13 ก.ย.) ว่า นับจนถึงเดือนนี้ กองทัพยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ประมาณ 8,000 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ทั้งหมดนั้นอยู่ในเมืองคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน

 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเปิดเผยว่า กองทัพยูเครนมีความคืบหน้าอย่างมาก หลังจากสามารถโจมตีกองทัพรัสเซียจนถอยร่นไปได้ แต่ปธน.ไบเดนกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า สงครามในยูเครนได้มาถึงจุดเปลี่ยนแล้ว

 

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยูเครนได้มาถึงจุดเปลี่ยนในการทำสงครามกับรัสเซียแล้วหรือไม่ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า “นี่เป็นคำถามที่ยังไม่สามารถตอบได้ มันยากที่จะพูดเช่นนั้น แม้ขณะนี้กองทัพยูเครนสามารถสร้างความคืบหน้าในการทำสงคราม แต่การจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดนั้น อาจต้องใช้เวลาอีกนาน”

 

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า กองทัพรัสเซียเผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ถูกขับไล่ออกจากเขตชานเมืองของกรุงเคียฟเมื่อเดือนมี.ค. โดยทหารรัสเซียหลายพันนายได้ทิ้งกระสุนปืนและยุทโธปกรณ์จำนวนมากขณะหลบหนีออกจากเมืองอิซยุม ซึ่งรัสเซียเคยใช้เป็นศูนย์กลางการส่งกำลังบำรุง

 

ด้านนายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐระบุว่า รัสเซียอาจสั่งซื้อกระสุนจำนวนหลายล้านนัดจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การคว่ำบาตรของชาติตะวันตกเริ่มส่งผลกระทบต่อกองทัพและเศรษฐกิจของรัสเซีย

 

นอกจากนี้ การสั่งซื้ออาวุธจากเกาหลีเหนือยังถือเป็นการละเมิดข้อตกลงคว่ำบาตรการค้าอาวุธของสหประชาชาติ (UN) ซึ่งรัสเซียได้ลงมติสนับสนุนในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์