.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (27 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ

 

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,824.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 4.30 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 21.168 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 904.1 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 4.60 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 1,858.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ในช่วงแรกนั้น สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า กลุ่มประเทศ G7 เตรียมสั่งห้ามการนำเข้าทองคำจากรัสเซีย เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน โดยจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในอังคาร (28 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม G7 ที่เยอรมนี

 

อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.202% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

 

นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนพ.ค.ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์

 

ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 6 เดือน โดยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาจนกระทั่งปิดการขาย

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์